พร้อมเปิดชีวิตก่อนเข้าวงการ ผ่านชีวิตด้านมืด เป็นเด็กดริงค์และยุ่งเกี่ยวยาเสพติด

ต้นหอม

กำลังเป็นสาวฮอตมากในขณะนี้สำหรับ ต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ดีเจสาวคนดังที่มากด้วยความสามารถ ทั้งเป็นดีเจ นักแสดงรวมไปถึงยูทูบเบอร์ล้านซับด้วย เรื่องของเธอเป็นที่พูดถึงอย่างมากเมื่อได้ไปออกรายการ แฉ เป็นรายการแรกที่เธอเปิดหน้าใหม่ร้อยล้าน เต็มองศา หลังจากบินไปทำศัลกรรมที่เกาหลี ซึ่งเธอทำตาเพียงนิดเดียว แต่ผลที่ออกมาคือสวยฉ่ำมากจนใครๆ พากันชมว่าสวย น่ารัก และหน้าเด็กขึ้นมากจริงๆ

กำลังเป็นสาวฮอตมากในขณะนี้สำหรับ ต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ดีเจสาวคนดังที่มากด้วยความสามารถ ทั้งเป็นดีเจ นักแสดงรวมไปถึงยูทูบเบอร์ล้านซับด้วย  เรื่องของเธอเป็นที่พูดถึงอย่างมากเมื่อได้ไปออกรายการ แฉ เป็นรายการแรกที่เธอเปิดหน้าใหม่ร้อยล้าน เต็มองศา  หลังจากบินไปทำศัลกรรมที่เกาหลี ซึ่งเธอทำตาเพียงนิดเดียว แต่ผลที่ออกมาคือสวยฉ่ำมากจนใคร ๆ พากันชมว่าสวย น่ารัก และหน้าเด็กขึ้นมากจริง ๆ

ต้นหอม เป็นสาวโสด สวย และรวยมาก แต่เสน่ห์ของเธอจริง ๆ นั้นคือการเป็นคนรวยอารมณ์ขัน ดูจริงใจและเป็นธรรมชาติ ซึ่งดูทีไรก็มีรอยยิ้มเสมอ หากมองรวม ๆ อย่างนี้แล้ว ถือว่าเธอเป็นคนหนึ่งที่ชีวิตเพอร์เฟคมาก แต่ใครจะรู้เลยว่า  กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เธอต้องผ่านอะไรมามากมาย วันนี้นอกจากเปิดหน้าใหม่ของต้นหอมแล้ว เราจะพาทุกคนเปิดชีวิตของเธอก่อนเข้าวงการ ซึ่งเป็นชีวิตที่เรานึกไม่ถึงเลยว่า เธอจะผ่านมันมาได้ ต้นหอมได้เปิดชีวิตในวัยเด็ก รวมถึงชีวิตก่อนเข้าวงการ เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่คนอื่น ๆ ซึ่งเมื่อได้ฟังแล้ว รู้สึกอึ้ง ทึ่ง ไม่น่าเชื่อและสงสารเธอไปตาม ๆ กัน เธอเล่าให้ฟังว่า เธอเกิดมาในครอบครัวที่แตกแยก เพราะพ่อกับแม่แยกทางกันแล้วส่งเธอไปอยู่กับปู่ ซึ่งปู่เป็นข้าราชการชั้นสูงจึงติดการเลี้ยงเชิงบังคับ เพราะเคยชินกับการควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชา

ต้นหอม

เธอเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวของบ้านที่ ผู้ชายจะได้เล่นอิสระ แต่เด็กผู้หญิงกลับต้องรับหน้าที่ทำงานบ้าน เธอพยายามที่จะเข้ากลุ่มเด็กผู้ชายด้วยการขโมยของแต่เมื่อปู่รู้เธอก็จะถูกทำโทษด้วยการตี เธอจึงขอไปอยู่กับพ่อ เพราะคิดว่าพ่อน่าจะใจดีและเข้าใจเธอ แต่แล้วก็ไม่ใช่  เพราะพ่อก็เลี้ยงเธอด้วยการบังคับเหมือนกัน เธอเลยกลายเป็นเด็กที่ไม่พูด เพราะรู้ว่าพูดไปก็ไม่มีใครรับฟัง เธอมีความฝันตั้งแต่เด็กว่า อยากเป็นดารา ซึ่งที่เธอพูดออกไปไม่ได้เพราะทั้งพ่อและปู่ต่างคาดหวังให้เธอเป็นข้าราชการ ซึ่งเธอจะไม่มีวันเป็นได้ เธอเป็นเด็กดีมาตลอดไม่เคยนอกลู่นอกทาง แต่ก็มีจุดที่ทำให้โดนทำโทษ โดยเฉพาะการทำโทษต่อหน้าคนอื่น และเป็นปมในใจของเธอ ส่งผลให้เธอโกรธพ่อ และเกิดความคิดที่จะหนีออกจากบ้าน เธอเลือกวันและวางแผนอย่างดี การหนีออกจากบ้านครั้งแรก เธอไม่ได้บอกใครเลย นอกจากน้องชาย โดยโกหกว่าจะไปอยู่ฮ่องกง ก่อนไปเธอเขียนจดหมายระบายทุกความในใจให้พ่อรู้ โดยมีประโยคหนึ่งที่พ่ออ่านแล้วร้องไห้และตัวเธอเองก็นึกเสียใจด้วย  เธอเขียนว่า “ถ้าหนูไปแล้วหนูมีเงินกลับมาหนูจะกลับมาเลี้ยงพ่อ แต่ถ้าหนูไปแล้ว หนูไม่รอด หนูจะตายอย่างหมาข้างถนน หนูจะไม่กลับมา”

ต้นหอม

การหนีออกจากบ้านครั้งนี้เป็นการตัดสินใจอย่างใจนักเลงมาก สำหรับเด็กอายุ 15 ปี  และคิดว่าตัวเองจะต้องรอด หลังจากที่เธอออกจากบ้านชีวิตของเธอก็พลิกผัน ไปทำงานเป็นเด็กดริงค์ ซึ่งในตอนแรกเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการเป็นเด็กดริงค์คืออะไร แต่ไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร แตเธอก็เป็นเด็กไฝ่ดี ที่ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย เพราะเป้าหมายที่เธอออกจากบ้านมาคือ เรียนหนังสือให้จบและทำงานเลี้ยงตัวเองได้ แม้ระหว่างทางเธอจะเผลอพลาดพลั้ง จนถึงขั้นเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่เป้าหมายที่เธอวางไว้ก็คอยเตือนสติ และพาเธอกลับมา เธอไม่เคยทิ้งการเรียน เมื่อได้สติอีกครั้งเธอก็เลือกที่เริ่มแก้ปัญหาทีละอย่าง ทีละอย่าง จนสามารถประสบความสำเร็จได้ที่สุด  2 ปีหลังจากที่หนีออกจากบ้าน เธอได้โทรกลับไปที่บ้านครั้งแรก เพื่อบอกกับพ่อว่า เธอจะส่งมาเลี้ยงพ่อ และส่งเสียค่าเล่าเรียนให้น้อง สิ่งที่เธออยากให้ทุกคนได้จากเรื่องราวของเธอคือ “อยากให้มีตรงกลางระหว่างพ่อ แม่ กับเด็ก บ้านต้องไม่ใช่สถานที่ที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเด็ก ต้องเป็นสถานที่ที่อบอุ่นเสมอทุกๆครั้งที่เราจะสปอยลูกหรือตามใจลูกต้องสอนลูกด้วย”

ประโยคนี้จากต้นหอมเป็นประโยคที่ถูกต้องและดีมาก ๆ จากที่เคยติดตามต้นหอมเพราะชอบในความอารมณ์ขันของเธอ แต่เมื่อได้มาเจอเรื่องราวของเธอในแง่มุมนี้ ก็ยิ่งชอบความเป็นเธอมากยิ่งขึ้นไปอีก และก็หวังว่าเรื่องราวของเธอจะทำให้ใครอีกหลายคน ที่กำลังหลงทาง ได้กลับมาสู่ทางที่ประสบความสำเร็จอีกครั้ง ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ